เออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์ เขาคือสุดยอดดาวยิงของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นกองหน้าเบอร์ 1 ของโลก เขาเกิดเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2000 ที่ลีดส์ ประเทศอังกฤษ ฮาแลนด์ เป็นลูกชายของอดีตกองกลางทีมชาตินอร์เวย์ อัลฟ์-อิงเก้ ฮาแลนด์ นั่นเอง ซึ่งแน่นอนเขามีความชื่นชอบฟุตบอลเช่นเดียวกับพ่อของเขา เขาเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กร่าเริง ในแต่ละวันเขาจะเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนาน
ในปี 2006 เมื่อเขามีอายุได้ 6 ขวบ ฮาแลนด์ ก็ได้เข้าร่วมเป็นนักฟุตบอลฝึกหัดของสโมสรบริน เอฟเค สโมสรฟุตบอลในลีกของนอร์เวย์ และการได้เข้ามาฝึกฝนทักษะทางด้านฟุตบอลที่นี่ทำให้เขาใฝ่ฝันที่จะเป็นนักฟุตบอลระดับโลก เขามีความตั้งใจในการฝึกซ้อม และขยันออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ฮาแลนด์ เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ และด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ของเขา ทำให้เขาถูกดึงขึ้นไปเล่นในรุ่นที่อายุมากกว่าตัวเองอยู่เสมอ
ในปี 2016 ด้วยความสามารถของเขา ที่ไปไกลกว่าวัยเป็นอย่างมากทำให้ ฮาแลนด์ ในวัย 15 ปี ได้ก้าวขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ของ บริน เอฟเค เขาได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม 2016 ซึ่งในช่วงแรกนั้นเขาลงเล่นในตำแหน่งปีก และถูกปรับมาเล่นในตำแหน่งกองหน้า แต่ในช่วงแรกฟอร์มการเล่นของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก เขายังไม่สามารถยิงประตูได้เลยจากการที่ได้มีโอกาสลงสนามไปทั้งหมด 16 นัดในลีก
ในปี 2017 ฮาแลนด์ย้ายไปร่วมทีมกับสโมสรโมลด์ ที่มี โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เป็นผู้จัดการทีมในตอนนั้น และฮาแลนด์ ก็ใช้เวลาไม่นานในการปรับตัวให้เข้ากับทีมต้นสังกัดใหม่ และเขาก็ได้รับโอกาสในการลงสนามในเกมแรก ในเดือนเมษายน 2017 ในศึกนอร์เวเจียนคัพ ซึ่งเขาสามารถทำประตูให้กับทีมได้ในทันทีที่เขาลงสนามในนัดแรก และในเดือน มิถุนายน 2017 ฮาแลนด์ ในวัย 16 ปี ก็สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน ด้วยการลงเล่นเป็นตัวสำรอง และยังสามารถทำประตูชัยให้กับทีมอีกด้วย และหลังจากเกมนั้น ฮาแลนด์ ก็ได้รับความไว้วางใจให้ลงสนามอยู่บ่อยครั้ง โดยสลับเป็นตัวจริงและตัวสำรองเรื่อยมา และในฤดูกาลนั้น ฮาแลนด์ ทำประตูไปได้ 4 ประตู จากการลงสนาม 20 นัด
ในฤดูกาล 2018 กลายเป็นฤดูกาลแจ้งเกิดของเขาอย่างแท้จริง ฮาแลนด์ ในวัย 18 ปี ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นตัวจริงให้กับทีมแบบเต็มตัว ซึ่งในฤดูกาลนี้ ฮาแลนด์ สามารถสร้างสถิติต่างๆ อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การทำแฮตทริก ภายในเวลา 11 นาที กับอีก 2 วินาที ,การยิงประตูได้ 4 ประตู ในเวลา 17 นาทีกับอีก 4 วินาที และการทำ 4 ประตู ภายใน 21 นาทีแรกของเกม และในฤดูกาลนั้น ฮาแลนด์ กลายเป็นนักเตะที่สามารถทำประตูได้มากที่สุดของโมลด์ ด้วยการยิง 13 ประตู จากการลงสนาม 30 นัดในทุกรายการ นอกจากนี้เขายังได้รับรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของลีก
จากฟอร์มการเล่นอันโดดเด่นของเขาทำให้ ฮาแลนด์ ได้รับความสนใจจากทีมฟุตบอลในยุโรปมากมาย แต่ในท้ายที่สุด ก็เป็น เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ทีมฟุตบอลในประเทศออสเตรีย ที่สามารถคว้าตัวเขาไปร่วมทีมได้ในเดือนมกราคม 2019 ด้วยสัญญามีระยะเวลา 5 ปี และการย้ายมาที่นี่ทำให้ ฮาแลนด์ ในวัย 19 ปี สามารถสร้างสถิติขึ้นมาอย่างมากมายไม่ต่างกับในตอนที่เขาอยู่กับโมลด์ เลยทั้งในเดือนกรกฎาคม 2019 เขาสามารถทำแฮตทริกให้กับทีมในศึกออสเตรียนคัพ เกมที่เอาชนะ SC-ESV Parndorf 7–1 ในเดือนสิงหาคม เขาสามารถทำแฮตทริกได้ในศึกออสเตรียน บุนเดสลีกา ช่วยให้ทีมเอาชนะ Wolfsberger AC 5–2 ในเดือนกันยายน เขาสามารถทำแฮตทริคได้อีกครั้งในเกมที่เอาชนะ TSV Hartberg 7–2 นอกจากนั้นในเดือนเดียวกัน เขายังสามารถทำแฮตทริกช่วยทีมเอาชนะ เกงค์ มาได้ในการเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกครั้งแรกของเขา
นอกจากนี้ เขายังกลายเป็นนักเตะคนแรกที่ทำประตู 4 ประตู จากการยิงเข้ากรอบใน 4 ครั้งในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และเขากลายเป็นนักเตะดาวรุ่งคนแรกที่สามารถทำประตูครบทั้งสี่เกมแรกที่ลงสนามในรายการนี้อีกด้วย
และหลังจากนั้นในเกมที่พบกับ เกงค์ ฮาแลนด์ก็สามารถทำประตูได้อีก ทำให้เขากลายเป็นนักเตะคนที่ 6 ที่สามารถทำประตูใน 5 นัดที่ได้สนามติดต่อกันในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
เพียงฤดูกาลแรกของการเข้ามาร่วมทีมกับ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ฮาแลนด์ ก็ทำไปถึง 4 แฮตทริก และทำไป 28 ประตู จากการลงเล่น 28 นัดในทุกรายการ และด้วยผลงานอันสุดยอดของเขาทำให้ชื่อของฮาแลนด์ กลับมาเป็นที่สนใจของทีมฟุตบอลชื่อดังทั่วทั้งยุโรปอีกครั้ง ซึ่งในเวลานั้นมีหลายคนมองว่า ฮาแลนด์ จะต้องย้ายไปร่วมทีมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างแน่นอน แต่แล้วกลับกลายเป็น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนต์ สโมสรชื่อดังของบุนเดสลีกา เยอรมัน ที่สามารถคว้าตัวเขาไปร่วมทีมได้ในช่วงเดือนมกราคม 2020 ด้วยค่าตัวเพียงแค่ 20 ล้านยูโรเท่านั้น ด้วยสัญญา 4ปี 6 เดือน ซึ่งในภายหลังฮาแลนด์ก็ได้บอกถึงเหตุผลที่ตัดสินใจเลือกมาร่วมทีมกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนต์ ว่าเนื่องจากเขาไม่อยากกดดันในการเล่นมากจนเกินไป และเขาอยากมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับที่สโมสรแห่งนี้ จึงตัดสินใจเช่นนั้น
สำหรับการย้ายมาร่วมทีมกับต้นสังกัดใหม่ เขาก็ไม่ทำให้ต้องผิดหวัง ฮาแลนด์สามารถทำประตูได้ในเกมแรกที่เขาถูกส่งตัวลงสนามเป็นตัวสำรอง และในเกมเดียวกันเขาก็สามารถทำแฮตทริกให้กับทีมได้ในทันที ในเกมที่พบกับ เอาคส์บวร์ค พาทีมเอาชนะไปได้ 5-3 ซึ่งเขาใช้เวลาในสนามเพียงแค่ 34 นาทีเท่านั้น
ฮาแลนด์ ลงสนามให้กับทีมเป็นนัดที่สอง ในเกมที่พบกับแอร์สเทอ เอ็ฟเซ เคิลน์ เขาลงสนามเป็นตัวสำรองในช่วงท้ายเกม และสามารถทำประตูได้หลังจากที่ลงสนามไปเพียงแค่ 12 นาที และอีก 10 นาทีต่อมาเขาก็สามารถทำประตูที่ 2 ได้ ทำให้ทีมของเขาเอาชนะด้วยสกอร์ 5-1 เขากลายเป็นนักเตะคนแรกของบุนเดสลีกาที่สามารถทำได้ 5 ประตูจากการลงสนามใน 2 นัดแรก จบฤดูกาลเขาสามารถทำประตูได้ถึง 16 ประตู จากการลงสนาม 18 นัดเท่านั้น และช่วยพาทีมจบที่ตำแหน่งรองแชมป์ของบุนเดสลีกา
ในฤดูกาล 2020-2021 ฮาแลนด์ ในวัย 20 ปี ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะตัวหลักของทีมที่ขาดไม่ได้ เขายังสามารถทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง เขากลายเป็นนักเตะที่สามารถทำประตูในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ครบ 20 ประตูเร็วที่สุดตลอดกาล โดยใช้เวลาเพียงแค่ 14 นัดเท่านั้น
สำหรับผลงานในทีมชาติ ฮาแลนด์ มีชื่อในการเล่นให้กับทีมชาตินอร์เวย์ตั้งแต่รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี แต่ไล่ระดับขึ้นมาเรื่อยๆ จนมามีชื่อในทีมชุดใหญ่ในปี 2019 และได้ลงสนามให้กับทีมชาตินัดแรกในเกมที่พบกับทีมชาติมอลตา ในปี 2019 เขาสามารถทำประตูไปได้ถึง 9 ประตูในเกมที่เอาชนะทีมชาติฮอนดูรัส ด้วยสกอร์ 12-0 ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2019 รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี